มัดรวม 2 ไอเทมยอดซื้อซ้ำสูงสุด: Meya Dark Choc - 1 โลฟ และ Cranberry FlaxSeed Rye Bread - 2 ก้อน
ก่อนชำระเงิน อย่าลืมกดใช้คูปองจากทางร้านด้วยน๊า :)
- ช๊อปครบ 300 บาท ลดทันที 10 บาท
- ช๊อปครบ 400 บาท ลดทันที 20 บาท
- ช๊อปครบ 500 บาท ลดทันที 30 บาท
- ช๊อปครบ 700 บาท ลดทันที 70 บาท **RECOMMEND**
🧺Value set 🧺:
- Meya Dark Choc > 1 โลฟ โลฟละ 377 กรัม (น้ำหนักตอนตัดแป้งก่อนอบ)
- Cranberry Flax Seed & Rye Bread >> 2 ก้อน ก้อนละ 130 กรัม (น้ำหนักตอนตัดแป้งก่อนอบ)
.
.
🍞🍩ทำไมต้อง Meya Dark Choc และ Cranberry Flax Seed & Rye Bread 🍞🍩:
สำหรับ Meya Dark Choc เนี่ย ต้นแบบก็คือบราวนี่เลยค่ะ ....แต่น้องจะลีนกว่าเยอะมาก เพราะไม่ใส่นมวัว วิปครีม เนย ไข่ แต่สามารถทดแทนความอยากบราวนี่ได้แบบ 100% เพราะเราเอาความเข้มข้นของ Dark Choc 70% เข้าสู้เลยค่ะ และแน่นอนว่าชอคโกแลตที่ใช้เป็นชอคโกแลตแท้ และมาจากฟาร์มโกโก้เบลเยี่ยมท้องถิ่นที่เป็นฟาร์มแบบ Sustainable ด้วย พอบอกว่าเบลเยี่ยมเนี่ย หมดห่วงเรื่องคุณภาพของชอคโกแลตได้เลยค่ะ
นอกจากไขมันดีจากดาร์คชอคแล้ว เรายังเพิ่มไขมันดีจาก “เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว” ลงไปในตัวขนมด้วย Aroma คือดีและลงตัวมากๆกับกลิ่นโกโก้ของเนื้อขนมปัง
ปกติโลฟนึงจะสไลซ์ได้ประมาณ 10 แผ่น แบ่งกินทีละแผ่น แม้จะไม่หวานมาก แต่ก็ไม่ต้องกินทีเดียวหมดนะคะ แค่กินให้หายอยากบราวนี่ หรืออยากของหวานๆนะคะ แล้วตัวนี้คืออิ่มนานอยู่ท้องจริงๆ
🅾️ INFO 🅾️:
💠1 โลฟ = 377 g. (น้ำหนักก่อนอบ)
💠1 โลฟ = 1214 Kcal.
💠1 โลฟ = หั่นได้ 10 แผ่น ตกแผ่นละ 121 Kcal.
💠ส่วนผสม: แป้งสาลีเอนกประสงค์ฝรั่งเศสไม่ขัดสี แป้งไรย์เยอรมันไม่ขัดสี ผงโกโก้ ดาร์คชอค 70% น้ำมันมะกอก น้ำตาลอ้อยแท้ไม่ขัดสี เกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์
พูดถึง Cranberry Flax Seed & Rye Bread เป็นลูกรักของเราเลย กินตัวนี้แล้วเฟรชมาก เพราะรสชาติเค้าจะออกหวานอมเปรี้ยวนิดๆ กินง่ายแม้คนที่ติดกินของหวานก็ชอบค่ะ ความหอมหวานมาจากน้ำผึ้งแท้ 100% และไม่ใส่สารให้ความหวานอื่นใดเพิ่มเติม ก้อนไซส์ขนาดฝ่ามือผู้หญิงค่ะ กำลังกิน ไม่เล็กไม่ใหญ่ เนื้อนุ่มเปลือกบาง ไม่แข็งนะคะ มีดีเทลเล็กๆน้อยๆด้วยคือจมูกข้าวสาลีและเมล็ดแฟล็ก กินแล้วกรุบๆ เราชอบเอาไว้กินตอนก่อนออกกำลังกายค่ะ ถ้าอุ่นด้วยไมโครเวฟจะนุ่ม อารมณ์ขนมปังนึ่งค่ะ ^^
🅾️ INFO 🅾️:
💠1 ก้อน = 130 g. (น้ำหนักก่อนอบ)
💠1 ก้อน = 238 Kcal.
💠1 ก้อน = หั่นได้ 5 แผ่น ตกแผ่นละ 48 Kcal.
💠ส่วนผสม: แป้งสาลีเอนกประสงค์ฝรั่งเศสไม่ขัดสี แป้งไรย์เยอรมันไม่ขัดสี แครนเบอร์รี่ น้ำมันมะกอก จมูกข้าวสาลี เกลือ น้ำผึ้ง เมล็ดแฟล็กซ์
.
.
🥡กินตอนไหนดี🥣 :
อย่างมื้อเร่งรีบ เช่น มื้อก่อนออกกำลังกาย มื้อเช้า และ ช่วงมื้อสั้นๆระหว่างมื้ออาหารหลัก เราจะหยิบมาอุ่นกินเพื่อลดความอยากและความหิวที่บางทีร่างกายเรามันมโนขึ้นมาเอง
สำหรับตัวเราเอง เราว่า 2 ตัวนี้ตอบโจทย์มากสำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มหันมากินขนมปังแนวเฮลท์ตี้ เพราะนอกจากจะหวานน้อย มีปริมาณน้ำตาลและไขมันน้อยกว่าสูตรปกติแล้ว การเริ่มกินแบบนี้ ทำให้ลิ้นเราปรับสภาพ จากที่ชินกับการกินหวานๆ ร่างกายเราจะทำความคุ้นเคยและค่อยๆลด level การเสพย์ติดความหวานลง
จากสิ่งที่เล่าให้ฟังทั้งหมด ขอสักคำ จึงขอมัดรวม item ที่มียอดซื้อซ้ำเยอะสุดของร้าน >> ปังเมย่าดาร์คชอค และปังแป้งไรย์แครนเบอร์รี่&แฟล็กซี้ด << มาไว้ตรงนี้ด้วยดีลสุดพิเศษ ที่นี่ Shopee ที่เดียวเท่านั้น
🚨ป.ล.อายุของดีลแต่ละดีลจะมีการเปลี่ยนแปลงและอัพเดททุกวัน จึงขอสงวนสิทธิ์ให้แก่คนที่ได้เข้ามาพบเจอดีลๆนี้ ณ วันนี้นะคะ
>>🏳️🌈LIMITED TIME OFFERED🏳️🌈<<
ถ้าเพื่อนๆอ่านจนมาถึงตรงนี้ เราเชื่อว่า เราต่างก็มีบุญสัมพันธ์กัน และดีใจมากๆที่ได้เจอกับคนที่ตั้งใจจะ ลงทุนในสุขภาพตัวเอง แบบจริงจังเหมือนกัน
มา เริ่มปรับการกิน แล้วเปลี่ยนให้เป็น นิสัย ไปด้วยกันนะคะ😊
🛵 ทางร้านจะอบขนม และจัดส่งทุกวัน อังคาร และ ศุกร์ ออร์เดอร์ล่วงหน้า 2-3 วันค่ะ 🛵
**เมื่อกดสั่ง แม่ค้าจะคอนเฟิร์มวันจัดส่งทาง Chat ให้ทราบทุกรอบนะคะ**
.
.
🌱ประสบการณ์ตรง ที่เราเชื่อว่าหลายๆคนเคยเป็นแบบเรา:
สมัยเรียน เราเป็นคนชอบกินขนมหวาน ขนมถุงมากๆ เรียกว่าเสพย์ติดก็คงได้ คงไม่ต่างจากวัยรุ่นคนอื่นๆในสมัยนั้น กินจนลิ้นเคยชินกับการกินของหวานๆ เค้ก🍰 ชอกโกแลต 🍫ชานมไข่มุก🧋 โดยเฉพาะเวลาเหนื่อยๆ ความอยากของหวานก็จะครอบงำจนกลายเป็นคนกินไม่เลือกโดยไม่รู้ตัว
จนถึงวัยที่เค้าเรียกกันว่า เบญจเพส ร่างกายเรามีความเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาก ป่วยบ่อย ป่วยออดๆแอดๆ แต่ละวันคือใช้ชีวิตอยู่แต่ บ้าน🏠ที่ทำงาน🏙️ และโรงพยาบาล🚑วนๆไป หยุดงานเป็นว่าเล่น ประกันก็ครอบคลุมบ้างไม่ครอบคลุมบ้าง คิดแล้วยังหลอนๆอยู่จนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ เกลียดการไปโรงพยาบาลมากๆเลย มันฝังใจ
ณ จุดๆ นี้เอง มันกระทบกับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันแบบสุดๆ วันที่ต้องเอาเงินไปให้หมอที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ทำให้เราได้ฉุกคิด และได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ จนพบว่าที่เราป่วยเนี่ยส่วนนึงมาจากอาหารที่กินด้วยนะ นั่นแหละเราถึงตาสว่าง ในวันนั้นเลยตั้งปณิธานกับตัวเองว่า เราจะต้องไม่ป่วยบ่อยๆอีก ไม่อยากกินยาแล้วโว้ยยย คิดได้ ไม่รอช้า เราจึงเริ่มปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตตั้งแต่นั้นมา😳
จากที่เคยกินแบบไม่คิด ก็ปรับการกิน โดยลดการกินหวาน ของมัน ของทอด และเลี่ยงการปรุงรสเยอะๆ จนเริ่มทำอาหารและขนมกินเองบ่อยขึ้นๆ จนกลายเป็นนิสัยไปโดยปริยาย ซึ่งผลลัพธ์จากการกินดี มันทำให้เราน้ำหนักคงที่ สุขภาพโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หวัดนี่แทบไม่เป็นเลยค่ะ ผิวลื่น ไม่เป็นร้อนใน ที่เล็บไม่มีจุดขาวๆ (หรือที่เค้าเรียกว่าดอกเล็บ) อีกเลยค่ะ
ถึงตรงนี้คือ เราเชื่อหมดหัวใจ❤️เลยค่ะ ว่าการดูแลเรื่องการกิน การพักผ่อน การใช้ชีวิตประจำวัน และการจัดการกับปัญหารายวัน มีผลต่ออาการป่วยทางร่างกายและจิตใจจริงๆ และผลลัพธ์ที่ว่านี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืนนะคะ แต่มันจะเห็นผลก็ต่อเมื่อเราทำจนเป็นวินัย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เป็นสองปี สามปี และตลอดไป😊